
Q: I want to lose weight. What diet should I follow?
Q: ฉันอยากลดน้ำหนัก ตามไดเอทอะไรดีคะ
A: First, we'd like to say that we try to get people away from the idea of looking at the scale to measure progress. Instead, we tell them to check how their pants feel (if you can get into a size that used to be too small, you're doing something right) or just look in the mirror (if you like what you see more than before, you're also doing something right). What makes you more upset, seeing the scale go up or putting on a pair of pants and realizing they're too small?
The reason is that a kilo of muscle is much smaller than a kilo of fat. If you lose 1 kg of fat, but gain a kg of muscle, your weight stays the same, but your body is smaller.
As for "what diet should I follow?", this depends on where you are now. To keep it simple, we'll stick to general population, people who aren't trying to get really lean (for example, prepare for a bodybuilding or bikini contest). We'll discuss the latter group in a later post.
For general population, the answer is "the one that gives the best results for the lowest cost". When we say cost, we're not talking about money. What we mean is the one that is easiest on you psychologically. The reason most diets fail is because they're too extreme. You can't go from eating KFC and drinking Coca-Cola three meals a day to nothing but salads and a cup of yogurt twice a day.
It makes far more sense to slowly cut back, starting with the thing that's easiest to give up, and replace with healthier options. For example, for the first two weeks, replace your Coca Cola with water. Change nothing else. Once you're OK with it, replace something else. Yes, this is a slower process. You won't "lose 10kg in two weeks!" However, you'll be able to stick with it and the weight will stay off. Remember, a diet should be how you live your life, not just something you do for a week or two
A: เรื่องแรกคือ เราต้องการให้ทุกคนเลิกที่จะเอาเข็มตราชั่งมาเป็นเครื่องวัดว่า อ้วนขึ้น ผอมลง ออกกำลังกายได้ดีแค่ไหนจากเข็มหรือตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนัก แต่เราอยากให้ทุกคนหันมาวัดว่าเราออกกำลังกายได้ผล (ลดไขมัน หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่าลดน้ำหนักนั้นเอง) จากการสวมใส่เสื้อผ้าตัวที่เคยใส่แล้วรู้สึกเล็ก รู้สึกอึดอัด เมื่อใส่แล้วรู้สึกสบายมากขึ้น มีช่อว่างมากขึ้น หรือการส่องกระจกแล้วมองตัวเอง ถ้าชอบแล้วก็คือทำได้ดีมากขึ้น นั้นคือสิ่งที่ดีเพียงพอที่บอกกับคุณว่าคุณออกกำลังกายได้ดีแล้ว
เหตุผลที่เราอยากให้ทุกคนเลิกการดูน้ำหนักตัวเองจากตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักนั้นก็เพราะ อัตราส่วนเท่ากัน 1 กิโลกรัม ของกล้าเนื้อและไขมันนั้น มีขนาดต่างกัน กล้าเนื้อจะมีขนาดเล็กกว่าแต่หนักกว่า ส่วนไขมันจะมีขนาดใหญ่กว่า แต่เบากว่านั้นเอง
สำหรับคำถามที่ว่า ควรจะเลือกกินอาหารอย่างไรดีนั้น สำหรับคนออกกำลังกายทั่วไปนั้น (ที่ไม่ใช่นักกีฬาเฉพาะ) คำแนะนำเรื่องอาหารคือ กินอะไรก็ได้ที่คุณจะกินได้นานที่สุด และส่งผลดีกับร่างกาย คำว่ากินที่สุดหมายความว่าอย่างเช่น ถ้าเราคิดว่า เราจะลดน้ำปั่น หรือน้ำหวานทุกชนิด เราต้องอยู่กับการตัดสินใจนี้ให้ได้นานที่สุดและมีความสุขที่สุดโดยที่ไม่มีความรู้สึกเหมือนชีวิตกำลังถูกบังคับ หรืออีกตัวอย่างนึงคือ ตั้งใจว่าจะกินแค่อกไก่นึ่ง หรืออกไก่ปั่นกับผักแล้วดื่ม ก็ต้องดูว่าจะกินแบบนี้ไปได้นานไหม และจะมีความสุขไหม จริงอยู่ เราอาจจะสืบหาข้อมูลมาแล้วว่ากินอันนี้แล้วดี จะช่วยการลดน้ำหนักต่างๆนาๆ แต่สิ่งที่หลายๆคนพลาดนั้นก็คือ การทำงานของสมองที่ว่า ไม่ได้อยากกินแต่ต้องกิน หรืออยากกินมากๆแต่กินไม่ได้ เชื่อเถอะว่า จิตวิทยาของคนเรานั้น อยากที่จะเปลี่ยนมันได้ถึงแม้เรารู้ว่ามันดีกับเราก็ตาม
ดังนั้นคำแนะนำง่ายๆ และได้ผลดีมาก ในเรื่องของการกินนั้นคือ อย่าทำให้มันผิดแปลกไปจากการกินของเราที่เป็นอยู่มากนัก ค่อยๆเปลี่ยน ค่อยๆปรับตัว เริ่มจากสิ่งที่คิดว่าแย่ที่สุดก่อน ก็เลิกอันนั้น เมื่อเลิกได้ จิตใจเข้มแข็ง ฮึกเหิม ก็เริ่มทำสิ่งที่อยากกว่าเดิมไปทีละขั้นๆ จะดีกว่า สิ่งที่สำคัญในจุดนี้คือ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควรเป็นอาหารที่เราจะต้องกินให้ได้ตลอดชีวิต ไม่ใช่กินกันแค่อาทิตย์ สองอาทิตย์แล้วทุกอย่างมันจะดีได้ตลอดไป
(แต่ถ้าคุณเป็นนักกีฬาเพาะกายนั้น หรือนักกีฬาเฉพาะ จะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่แตกต่างกันในเรื่องสังเกตุน้พหนักและเรื่องอาหาร และเราจะพูดถึงในตอนต่อๆไป)
Q: ฉันอยากลดน้ำหนัก ตามไดเอทอะไรดีคะ
A: First, we'd like to say that we try to get people away from the idea of looking at the scale to measure progress. Instead, we tell them to check how their pants feel (if you can get into a size that used to be too small, you're doing something right) or just look in the mirror (if you like what you see more than before, you're also doing something right). What makes you more upset, seeing the scale go up or putting on a pair of pants and realizing they're too small?
The reason is that a kilo of muscle is much smaller than a kilo of fat. If you lose 1 kg of fat, but gain a kg of muscle, your weight stays the same, but your body is smaller.
As for "what diet should I follow?", this depends on where you are now. To keep it simple, we'll stick to general population, people who aren't trying to get really lean (for example, prepare for a bodybuilding or bikini contest). We'll discuss the latter group in a later post.
For general population, the answer is "the one that gives the best results for the lowest cost". When we say cost, we're not talking about money. What we mean is the one that is easiest on you psychologically. The reason most diets fail is because they're too extreme. You can't go from eating KFC and drinking Coca-Cola three meals a day to nothing but salads and a cup of yogurt twice a day.
It makes far more sense to slowly cut back, starting with the thing that's easiest to give up, and replace with healthier options. For example, for the first two weeks, replace your Coca Cola with water. Change nothing else. Once you're OK with it, replace something else. Yes, this is a slower process. You won't "lose 10kg in two weeks!" However, you'll be able to stick with it and the weight will stay off. Remember, a diet should be how you live your life, not just something you do for a week or two
A: เรื่องแรกคือ เราต้องการให้ทุกคนเลิกที่จะเอาเข็มตราชั่งมาเป็นเครื่องวัดว่า อ้วนขึ้น ผอมลง ออกกำลังกายได้ดีแค่ไหนจากเข็มหรือตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนัก แต่เราอยากให้ทุกคนหันมาวัดว่าเราออกกำลังกายได้ผล (ลดไขมัน หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่าลดน้ำหนักนั้นเอง) จากการสวมใส่เสื้อผ้าตัวที่เคยใส่แล้วรู้สึกเล็ก รู้สึกอึดอัด เมื่อใส่แล้วรู้สึกสบายมากขึ้น มีช่อว่างมากขึ้น หรือการส่องกระจกแล้วมองตัวเอง ถ้าชอบแล้วก็คือทำได้ดีมากขึ้น นั้นคือสิ่งที่ดีเพียงพอที่บอกกับคุณว่าคุณออกกำลังกายได้ดีแล้ว
เหตุผลที่เราอยากให้ทุกคนเลิกการดูน้ำหนักตัวเองจากตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักนั้นก็เพราะ อัตราส่วนเท่ากัน 1 กิโลกรัม ของกล้าเนื้อและไขมันนั้น มีขนาดต่างกัน กล้าเนื้อจะมีขนาดเล็กกว่าแต่หนักกว่า ส่วนไขมันจะมีขนาดใหญ่กว่า แต่เบากว่านั้นเอง
สำหรับคำถามที่ว่า ควรจะเลือกกินอาหารอย่างไรดีนั้น สำหรับคนออกกำลังกายทั่วไปนั้น (ที่ไม่ใช่นักกีฬาเฉพาะ) คำแนะนำเรื่องอาหารคือ กินอะไรก็ได้ที่คุณจะกินได้นานที่สุด และส่งผลดีกับร่างกาย คำว่ากินที่สุดหมายความว่าอย่างเช่น ถ้าเราคิดว่า เราจะลดน้ำปั่น หรือน้ำหวานทุกชนิด เราต้องอยู่กับการตัดสินใจนี้ให้ได้นานที่สุดและมีความสุขที่สุดโดยที่ไม่มีความรู้สึกเหมือนชีวิตกำลังถูกบังคับ หรืออีกตัวอย่างนึงคือ ตั้งใจว่าจะกินแค่อกไก่นึ่ง หรืออกไก่ปั่นกับผักแล้วดื่ม ก็ต้องดูว่าจะกินแบบนี้ไปได้นานไหม และจะมีความสุขไหม จริงอยู่ เราอาจจะสืบหาข้อมูลมาแล้วว่ากินอันนี้แล้วดี จะช่วยการลดน้ำหนักต่างๆนาๆ แต่สิ่งที่หลายๆคนพลาดนั้นก็คือ การทำงานของสมองที่ว่า ไม่ได้อยากกินแต่ต้องกิน หรืออยากกินมากๆแต่กินไม่ได้ เชื่อเถอะว่า จิตวิทยาของคนเรานั้น อยากที่จะเปลี่ยนมันได้ถึงแม้เรารู้ว่ามันดีกับเราก็ตาม
ดังนั้นคำแนะนำง่ายๆ และได้ผลดีมาก ในเรื่องของการกินนั้นคือ อย่าทำให้มันผิดแปลกไปจากการกินของเราที่เป็นอยู่มากนัก ค่อยๆเปลี่ยน ค่อยๆปรับตัว เริ่มจากสิ่งที่คิดว่าแย่ที่สุดก่อน ก็เลิกอันนั้น เมื่อเลิกได้ จิตใจเข้มแข็ง ฮึกเหิม ก็เริ่มทำสิ่งที่อยากกว่าเดิมไปทีละขั้นๆ จะดีกว่า สิ่งที่สำคัญในจุดนี้คือ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควรเป็นอาหารที่เราจะต้องกินให้ได้ตลอดชีวิต ไม่ใช่กินกันแค่อาทิตย์ สองอาทิตย์แล้วทุกอย่างมันจะดีได้ตลอดไป
(แต่ถ้าคุณเป็นนักกีฬาเพาะกายนั้น หรือนักกีฬาเฉพาะ จะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่แตกต่างกันในเรื่องสังเกตุน้พหนักและเรื่องอาหาร และเราจะพูดถึงในตอนต่อๆไป)